ก่อนไปOsaka คราวนี้ เราตั้งใจว่าจะอยากไปเดินชมดูตลาดที่คนท้องถิ่นไปเดินจับจ่ายกัน จึงทำให้ต้องหาข้อมูล และก็พยายามจดจำชื่อ สถานที่เวลาที่ดูรายการทีวีญี่ปุ่นที่พาไปตระเวณกินของอร่อยย่านคันไซ ซึ่งก็เป็นรายการทีีวีที่ทางทรูวิชั่นนำมาฉายให้ชมกันเป็นประจำและในวันหนึ่ง ชื่อ Tenjinbashi ก็ลอยเข้าหูมาพร้อมๆกับการนำเสนอภาพจากรายการดังกล่าว ซึ่งแนะนำร้านค้าย่านนี้กับร้านที่นำของใช้มือสองมาออกแบบและผลิตเครื่องใช้ใหม่ บรรยากาศย่านนี้ดูเก่าโบราณดีจัง ดูเป็นย่านที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว และยังคงเสน่ห์แบบบ้านๆของOsaka กระมั้ง ก็เลยลองค้นหาข้อมูลเพื่อจะได้ไปเดินเที่ยวเล่น^^
วันที่ไปถึง เมื่อขึ้นมาจากสถานีรถไฟแบบงงๆทิศ เพราะเป็นตรอกเล็กๆแคบๆ แต่ก็ตัดสินใจเลือกเดินออกมา และโชคดีที่พอพ้นตรอกก็เจอถนนคนเดินที่ดูคุ้นเคยตามสไตล์ย่านการค้าแบบญี่ปุ่น
แต่ก็ต้องเลือกว่าจะไปทางซ้าย หรือขวาดี สุดท้ายเราก็ตัดสินใจเดินออกจากตรอกไปทางซ้ายมือ ในรูป คือ เราออกมาจากตรอกแล้วกลับหลังหันไปถ่ายรูป ตรอกเล็กๆที่เราเดินออกมาอยู่ขวามือ มีตู้กดน้ำเป็นสัญลักษณ์ ^^ นี่ถ้าเราเดินมาตามทาง เราก็คงไม่รู้ว่าในตรอกนี้จะมีทางเข้าออกสถานีJR เหมือนกัน (ถ้าไม่เหลือบเห็นว่ามีป้ายไฟพื้นขาวตัวอักษรสีน้ำเงินที่มีอักษร JR อยู่) จากตรงนี้เราก็เดินเทียวชมบรรยากาศอย่างตื่นตาตื่นใจ ^^ เดินไปเรื่อยๆ และได้พบร้านขายเครื่องใช้มือสองที่ว่าด้วย ร้านสวยดี มีของใช้ที่ออกแบบได้น่าสนใจมากมาย แต่ก็เก็บบันทึกมาแต่เพียงรูปหน้าร้านภาพนี้ เพราะไม่อยากจะบันทึกงานออกแบบ ถือเป็นการให้เกียรติศิลปินกับผลงาสร้างสรรค์นั้นละกันนะ ^^
เราเดินชมร้านค้าไปเรื่อยๆ สองข้างทางมีร้านค้าขายของ และร้านอาหาร บางร้านดูจะเป็นร้านเก่าๆที่อาจจะเคยปิดกิจการไปแล้ว แล้วมาซ่อมแซมตกแต่งเปิดกิจการใหม่ แต่ก็ดูเก๋ไก๋น่ารัก และสวยงามดีอย่างร้านนี้ ดูแล้วชอบจัง ^^
ตอนที่เดินๆไปก็สะดุดกับร้านที่ขายโมจิร้านหนึ่งที่มีโมจิก้อนสีขาวๆวางบนกะทะ ปกติจะไม่ค่อยได้พบเจอโมจิที่ทำแบบนี้เท่าไหร่นัก และเคยกินโมจิย่างหน้าตาคล้ายๆกันมาก่อนนานแล้ว ก็เลยสนใจชวนคนข้างๆว่าชิมไหมๆ และเมื่อเราสั่งแล้ว คนขายก็คีบโมจิก้อนขาวๆที่วางรวมกันด้านหนึ่งแยกออกมา วางอีกด้านหนึ่งของกะทะเพื่อย่าง คิดว่าไฟของเตาย่างด้านนี้คงจะร้อนกว่า เมื่อโมจิโดนความร้อนส่งกลิ่นหอม และทำให้ถั่วแดงที่สอดไส้อยู่ก็ทะลักออกมา ดูคล้ายๆขนมไส้ลาวาเลย ^^
ระหว่างที่รอ เราก็ดูว่าที่ร้านมีอะไรขายอีกบ้าง และคนข้างๆก็ชวนให้ชิมวาราบิโมจิที่เขาวางขาย พร้อมกับมีที่ให้ชิม ซึ่งระหว่างที่คนข้างๆที่ติดใจในรสชาติกำลังคิดไปคิดมาว่าจะซื้อดีไหมนะ จะกล่องเล็ก หรือใหญ่ดีนะ (เพราะวาราบิโมจิเก็บได้ไม่นาน ต้องรีบทานให้หมด) ก็มีกลุ่มสาวญี่ปุ่น 3-4 คนมาชิมด้วย และเขาก็หยิบซื้อไปแทบจะเหมาหมดเลยทีเดียว ส่งผลให้คนข้างๆตัดสินใจได้ทันที เพราะถ้าขืนหยิบช้าอีกนิดคงอดแน่ๆเลย ^^
โมจิย่างร้อนๆเสร็จแล้ว เราก็จ่ายตังค์แล้วชิมกันตรงนั้นเลย รสชาติโมจินุ่มเหนียวพอเหมาะ ไม่หวานมากนัก ขนมร้อนๆรสชาติอร่อยเข้ากับอากาศเย็นๆในตอนนั้นมากทีเดียว ^^
แต่พระเอกของบทความนี้ คือ ขนมวาราบิ โมจิ ที่เราได้ซื้อติดมือกลับมา เป็นวาราบิ โมจิ รสชาติแปลกที่อร่อยมากๆ ขนาดเราไม่ได้เป็นคนชอบทานขนมแนวนี้มากนักยังรู้สึกว่าอร่อยดี ส่วนคนข้างๆที่ชอบกินวาราบิโมจิมากๆ ติดใจขนาดที่ว่าจะกลับมาที่Tenjinbashi เพื่อซื้อกลับกรุงเทพกันเลยทีเดียว แต่เวลาก็ไม่อำนวยให้กลับไปอีกครั้ง
วาราบิ โมจิกล่องนี้มีรสหอมๆของอะไรบางอย่าง คล้ายๆงาดำแต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว วาราบิ โมจิที่มักพบเจอคือ ถ้าเนื้อขนมไม่อ่อนนุ่มเกินไป ก็แข็งเกินไป แต่เจ้าวาราบิ โมจิกล่องนี้ รสสัมผัสนุ่มกำลังดี เหนียวหนึบกำลังดี รสไม่หวานมาก มีกลิ่นหอมอ่อนๆด้วย
คนข้างๆบ่นคิดถึงขนมกล่องนี้ เสียดายที่ไม่ได้ซื้อติดมือกลับมา จำได้ว่าถ่ายรูปกล่องเก็บไว้ จะว่าไปก็หลายมุมอยู่ ^^ ก็เลยเปิดไฟล์รูปดู แล้วพบว่ามีชื่อและที่ติดต่อบนกล่องด้วย จึงไปค้นข้อมูลก็พบว่า มีร้านที่นำวาราบิ โมจิแบบนี้ขาย และมีร้านในตึกSky Build.ด้วย เอ๊ะหรือว่า... นึกถึงร้านขายโมจิที่อยู่ชั้นใต้ดินSky Build. ข้างๆโรงแรมที่พักขึ้นมาทันที สงสัยว่าจะใช่ คือ จริงๆร้านนี้เขาก็มีให้ชิม และตอนนั้นชิมแล้วกลับไม่ได้รู้สึกประทับใจกันมากมาย (แต่เป็นครั้งที่ไปตอนปีก่อน ซึ่งเป็นทริปก่อนทริปนี้) เป็นวันแรกลงเครื่อง เอากระเป๋าไปฝากแล้วก็เดินหาอะไรกินกัน ยังเบลอๆกันอยู่เลยตอนนั้น ^^" หรืออาจจะมีวาราบิ โมจิหลายแบบหลายรสหรือเปล่านะ คราวหน้าถ้ามีโอกาสคงได้ลิ้มลองกันอีกที ถ้าร้านนี้มีขายก็คงจะตลกดีแต่ก็ดีนะเพราะอยู่ใกล้ๆที่พักมากเลย ถ้าเขาไม่เลิกขายซะก่อนนะ ^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น